วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

L-Arginine โมเลกุลมหัศจรรย์

          
แอล-อาร์จินีน (L-Arginine) คืออะไร?
            แอล-อาร์จินีน (L-Arginine) คือกรดอะมิโน ที่ถือว่าเป็น "โมเลกุลมหัศจรรย์" มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมหาศาลเพราะ L-Arginine จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิต ไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) เพื่อช่วยในเรื่องการขยายตัวของหลอดเลือด รวมทั้งกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการคงความเป็นหนุ่มเป็นสาว ช่วยชะลอความชรา


โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) คืออะไร?
           โกรทฮอร์โมน คือ ฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมใต้สมอง ร่างกายจะต้องผลิตออกมาใช้เพื่อการเจริญเติบโต เสริมสร้างและซ่อมแซมร่างกายตลอดชีวิต แต่หลังจากอายุ 23 ปี ร่างกายกลับหลั่งโกรทฮอร์โมน ได้น้อยลงไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ร่างกายของเราเริ่ม "แก่ชรา" เชลล์ผิวหนังเริ่มเหี่ยวย่น ผมเริ่มหงอก สมรรถภาพทางเพศเริ่มลดลง ประสิทธิภาพทางร่างกายเริ่มเสื่อมจึงเป็นสาเหตุของโรคเสื่อม เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ซึ่งโรคดังกล่าวเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์
            ในสหรัฐอเมริกา แคนนาดา และยุโรป ได้มีการนำ โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) มาใช้ในวงการแพทย์ และสถาบันต่างๆกันอย่างแพร่หลาย จึงทำให้โกรทฮอร์โมนมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดที่สามารถทำให้คนเราย้อนวัยกลับไปเป็นหนุ่มสาวได้อีกครั้ง


ไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) คืออะไร?
             ไนตริกออกไซด์ ขึ้นชื่อวาเป็น "วีรบุรุษของร่างกาย" (The New Hero of Human Biology) โดยนักวิทยาศาสตร์ 3 ท่าน คือ Louis J.lgnarro, Robert Furchgot and Ferid Murad ได้ค้นพบคุณสมบัติของ ไนตริกออกไซด์ จนได้รับรางวัลโนเบลเมื่อปี 1998 จากการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ไนตริกออกไซด์สามารถช่วยในการบำบัดหลอดเลือดและหัวใจ ช่วยเรื่องการขยายตัวของหลอดเลือดลดสภาวะความตึงเครียดของหลอดเลือด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ ดูแลและซ่อมแซมการไหลเวียนของเลือด ช่วยทำให้การสูบฉีดโลหิตทั่วร่างกายได้เป็นปกติ


คุณประโยชน์ของ ProArgi-9 Plus
1. กระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ช่วยในการชะลอความชรา
2. ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ดูอ่อนเยาว์
3. ช่วยลดไขมันในกล้ามเนื้อ เสริมสร้างร่างกายให้กระชับทั้งภายในและภายนอก
4. เพิ่มสมรรถภาพทางเพศในทั้งชายและหญิง
5. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
6. ช่วยควบคุมครอเรสเตอรอลและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ
7. ชดเชยความเสียหายของหัวใจ และช่วยขจัดไขมันภายในหลอดเลือด
8. ป้องกันและลดโรคกระดูกพรุน โดยการทำให้เกิดมวลกระดูก
9. ส่งเสริมการสร้างกล้ามเนื้อ สำหรับนักกีฬา
10.ช่วยเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย
11.ช่วยในการรักษาแผลและการฟื้นตัวหลังการผ่าตัด

L-Arginine ทำงานอย่างไร



ProArgi-9 Plus มีกรดอะมิโนที่จำเป็นคือ
L-Arginine ซึ่งร่างกายสามารถสังเคราะห์เองได้ แต่ไม่เพียงพอและบางส่วนได้รับจากอาหาร
L-Citrullin  เป็นกรดอะมิโนที่สามารถเปลี่ยนเป็น L-Arginine ได้และช่วยยืดอายุให้กับ L-Arginine อีกด้วย
เมื่อรับประทาน ProArgi-9 Plus ในขณะที่ท้องว่าง ร่างกายจะดูดซึมเข้าสู่สมองในทันที และจะไปที่ต่อมใต้สมอง และก่อให้เกิดกระบวนการการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นกระบวนการธรรมชาติเมื่อสมองได้รับกรดอะมิโน L-Arginine โกรทฮอร์โมนที่ถูกหลั่งจากต่อมใต้สมองจะออกมาเป็นช่วงสั้นๆ และอยู่ในกระแสเลือดเพียงประมาณชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น ช่วงเวลาที่หลับลึกตอนกลางคืนจะมีประมาณมากที่สุด ส่วนเวลากลางวันจะน้อยกว่าและขึ้นอยู่กับการออกกำลังกายและการรับประทานอาหาร หลังจากอายุ 30 ปี ขึ้นไปการหลั่งโกรทฮอร์โมนจะลดลงประมาณ 14% ทุกๆ 10 ปี 
โกรทฮอร์โมนในกระแสเลือดจะเดินทางไปยังอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ อันเป็นปลายทางของการสื่อสาร อวัยวะที่รับสัมผัสกับโกรทฮอร์โมนมากที่สุดคือ ตับ เมื่อตับได้รับสัญญาณแล้วจะสร้างฮอร์โมน IGF-1 (Insulin Like Growth Facter-1) ออกมาตอบสนอง ฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมเซล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดการซ่อมแซมร่างกายดังนี้
1. กระตุ้นให้เกิดการสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมร่างกาย
2. ทำให้กล้ามเนื้อนำน้ำตาลไปใช้มากขึ้น ลดการเกิดเบาหวาน 
3. ทำให้กระดูกและข้อแข็งแรงขึ้น
4. ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจดีขึ้น
5. ทำให้ปอดและระบบหายใจดีขึ้น
6. ทำให้ไตทำงานดีขึ้น
7. ทำให้ระบบทางเดินอาหารดีขึ้น โดยเฉพาะกล้ามเนื้อรอบลำใส้
8. ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น
9. ทำให้ผิวหนังเต่งตึงขึ้น ผิวพรรณสดในสวยงามขึ้น
10. ทำให้ผมดกดำขึ้น
11. ทำให้แผลหายเร็วขึ้น กระตุ้นการสมานแผล
12. ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
13. ทำให้ชีวิตคู่มีความสุขขึ้น เสริมสมรรถภาพทางเพศ


L-Arginine นอกจากกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมนแล้วยังมีส่วนที่สำคัญที่ทำให้เกิด Nitric Oxide อีกด้วย
Nitric Oxide เกิดขึ้นที่ผนังหลอดเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดในระดับกลางที่มีกล้ามเนื้อมาก เซลล์ที่บุผนังหลอดเลือดเป็นตัวสร้างไนตริกออกไซด์ทำให้เกิดการขยายตัวและยืดหยุ่นของหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตลดลงได้ ผลของการที่เกิดไนตริกออกไซด์คือ
1. เป็นตัวสื่อประสาท ทำให้สมองทำงานฉับไว้ขึ้น
2. ช่วยเม็ดเลือดขาว Macrophage ทำลายเชื้อโรคและเซลล์มะเร็งได้
3. ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหาร
4. ช่วยขยายหลอดเลือดลำใส้ขณะย่อยอาหาร
5. ช่วยควบคุมความดันโลหิตที่ไต ในคนที่ความดันโลหิตสูง
6. ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศของเพศชาย และเพศหญิง ให้ดีขึ้น


โดยสรุป เราอาจกล่าวได้ว่าฮอร์โมน IGF-1 คือสิ่งที่เป็นตัวแสดงบทบาทในการสร้างและซ่อมแซมร่างกายอย่างแท้จริง ทำงานภายใต้คำบกการจากสมองส่วนไฮโปธาลามัสที่ส่งคำสั่งผ่านต่อมใต้สมองไปยังตับและอวัยวะปลายทางต่างๆ


ส่วนประกอบสำคัญใน ProArgi-9 Plus
L-Arginine : กระตุ้นในหลั่งโกรทฮอร์โมน และ ไนตริกออกไซด์
L-Citrullin : ช่วยให้ L-Arginine ในร่างกายอายุยาวขึ้น
Xylitol : สารให้ความหวานแทนน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ
D-ribose : สารให้ความหวานแทนน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ
Grape skin extract : ต้านการเกิดออกซิเดชั่น
Silicon dioxide : ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูก
Sucralose : สารให้ความหวานแทนน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ
Vitamin C : ต้านอนุมูลอิสระ เสริมความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ
Vitamin D : ช่วยการดูดซึมแคลเซียม และการทำงานของหัวใจ
Vitamin B6, B12, Folic : เป็นวิตามินที่ช่วยลดความดันโลหิตได้

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

Nature's Sunshine Quality











ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นอย่างไร ?

  1. Dr.Ronald Klatz จากหนังสือ "เป็นหนุ่มสาวด้วย HGH" ปูทางถึงการชะลอความแก่ด้วยการใช้ HGH (Human Growth Hormone) ในฐานะที่เป็นประธานของสถาบันป้องกันความชราแห่งสหรัฐอเมริกา เชื่อว่าสังคมที่ไม่มีวันแก่ได้เริ่มขึ้นแล้ว เขากล่าวว่า "การวิจัยค้นพบ HGH เป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของความแก่ และเป็นจุดกำเนิดของความไม่แก่" และยังได้อธิบายถึงสารต่างๆ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถทำให้ HGH หลั่งได้ ตัวสำคัญคือ L-Arginine และโดยการเพิ่มการหลั่ง GH (Growth Hormone) ในร่างกายคุณ คุณจะหายจากการอ่อนเพลียมีสุขภาพดี หน้าตาแจ่มใส และสมรรถภาพทางเพศสมบูรณ์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่เราสามารถแทรกแซงกระบวนการแก่ชราและฟื้นฟูความเป็นหนุ่มสาว ต่อต้านโรคและเพิ่มคุณภาพชีวิต ฟื้นฟูเซลล์ทั้งหมดของร่างกาย คุณเพียงแต่ปลดปล่อย GH (Growth Hormone) ออกมาเท่านั้นเอง
  2. Dr. Earl Mindell ผู้เขียนหนังสือ "คัมภีร์วิตามิน" กล่าวว่า ด้วยการให้กรดอะมิโนและวิตามินแก่ร่างกายเพื่อกระตุ้นให้มีการหลั่ง GH (Growth Hormone) ระดับของ GH (Growth Hormone) จะสูงเท่ากับของคนหนุ่มสาว L-Ornithine และ L-Arginine สามารถช่วยให้คุณผอมลงขณะคุณนอนหลับ
  3. Daniel Rudman, M.D. ในวารสารการแพทย์ New England Journal of Medicine รายงานว่า "ผลการใช้ GH (Growth Hormone) ติดต่อกัน 6 เดือน สามารถชะลอความชราได้ 10-20 ปี โดยสังเกตจากกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นและไขมันที่ลดลง
  4. Dr.George Merriam แห่งมหาวิทยาลัย Washington ในสถาบันโรคชราแห่งชาติ Seattle ได้ศึกษา GH (Growth Hormone) และพบว่า "ไม่มีหลักฐานว่า L-Arginine ที่เป็นตัวกระตุ้นให้หลั่ง GH (Growth Hormone) เหล่านี้มีผลข้างเคียง แม้จะใช้เป็นเวลานาน"
  5. ศูนย์การแพทย์ V.A. และคณะแพทย์ศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยการแพทย์ Stanford ได้สรุปว่าการให้ IGF-1 (Insulin Like Growth Facter -1) และ / หรือ GH (Growth Hormone) แก่ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง สามารถฟื้นฟูผู้ป่วยได้ในระดับหนึ่ง
  6. Dr.Jorgensen และ Dr.Christian แห่งเมือง Copenhagen ประเทศ Denmark ตีพิมพ์ในวารสารต่อมไร้ท่อแห่งยุโรปในปี 1994 ว่าการใช้ GH (Growth Hormone) บำบัดได้ผลดีในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต ไทรอยด์ โรคกระดูก โรคเหงื่อออกมากผิดปกติ และยังเพิ่มพลังงานแก่ผู้ป่วย ทั้งร่างกายและจิตใจ
  7. Drs.Ramias, Shamos, and Schiller แห่งศูนย์การแพทย์โรงพยาบาล St. Joseph ในรัฐ Phoenix พบว่า GH (Growth Hormone) เป็นสารอาหารที่ร่างกายสมควรได้รับในสัปดาห์แรกๆ ที่เกิดอาการบาดเจ็บเพื่อลดอุบัติการณ์เสียชีวิตหรือเพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น
  8. Dr. Jake Powrie, M.D.  และ Dr. Andrew Weissberger แห่งโรงพยาบาล St.Thomas , London ประเทศอังกฤษ สรุปว่าผู้ใหญ่ที่ขาด GH (Growth Hormone) ควรได้รับ GH (Growth Hormone) ทดแทนเข้าสู่ร่างกาย
  9. Dr. Ronald Klatz, M.D. สรุปว่าการใช้ GH (Growth Hormone) มีผลเพิ่มอารมณ์เพศทั้งหญิงและชาย และเพิ่มสมรรถภาพของเพศชายอีกด้วย
  10. David Clemmons หัวหน้าแผนกต่อมไร้ท่อแห่งมหาวิทยาลัยการแพทย์ North Carolina เมือง Chapel  Hill  เชื่อว่า GH (Growth Hormone) สามารถใช้บำบัดโรคถุงลมโป่งพองและโรคปอดเรื้อรังได้อย่างน่าประทับใจ
  11. Dr. Julian Whitaker  แห่ง Newport Beach รัฐ California ได้จ่าย GH (Growth Hormone) แก่ผู้ป่วยในขนาดที่ให้แก่ตัวเอง พบว่า GH (Growth Hormone) มีประสิทธิภาพสูงในการบำบัดโรคเรื้อรัง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนเพลีย อาการวูบหมดสติ โรคปอด-เรื้อรัง และเอดส์
  12. น.พ. Grace Wong แห่งศูนย์พัฒนาและวิจัย Genetech อธิบายว่า เมื่อเราแก่ลงโปรตีนในร่างกายจะเสื่อมเป็นอนุมูลอิสระ GH (Growth Hormone) สามารถลดความเสื่อมได้ ฟื้นฟูเซลล์และโปรตีนให้แข็งแรงได้
  13. Dr.Edmund Chein ได้ใช้ GH (Growth Hormone) บำบัดผู้ป่วยตั้งแต่ปี 1994 -1996 ได้แสดงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของ GH (Growth Hormone) ในการเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
  14. Dr.Thierry Hertaghe และ Vince Giampapa รายงานว่า GH (Growth Hormone) เป็นมากกว่าสารต้านอนุมูลอิสระโดยฟื้นฟูเซลล์ ลดความเสื่อมป้องกันความชราและฟื้นฟูความเป็นหนุ่มสาวได้
  15. Dr.Eve Van Carter นักวิจัย GH (Growth Hormone) แห่งมหาวิทยาลัยศูนย์การแพทย์ Chicago พบว่าการให้ GH (Growth Hormone) บำบัดแต่เนิ่นๆ ในคนวัยกลางคนจะได้ผลดีกว่ามาบำบัดคนที่สูงอายุ
  16. Dr.Lawrence Dorman สมาชิกแห่งสถาบันป้องกันความชราแห่งอเมริกา พบว่า GH (Growth Hormone) หยุดการแก่ตัวของร่างกายโดยลดความเหี่ยวย่นของผิวพรรณ ลดไขมันที่สะสม เสริมมวลกล้ามเนื้อ ลดโคเลสเตอรอล เสริมพลังชีวิต เสริมจิตใจ เช่น โรคชราประเภทพาร์กินสัน และ GH (Growth Hormone) ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ 

รางวัลโนเบลสาขาแพทย์ศาสตร์ในปี 1998


The Nobel Prize in Physiology or Medicine 1998   

The Nobel Assembly at the Karolinska Institute in Stockholm, Sweden, has awarded the Nobel Prize in Physiology or Medicine for 1998 to Robert F Furchgott, Louis J Ignarro and Ferid Murad for their discoveries concerning "the nitric oxide as a signalling molecule in the cardiovascular system".


                    

Robert F Furchgott, born 1916                        Louis J Ignarro, born 1941                                         Ferid Murad, born 1936
Dept.of Pharmacology,                     Dept.of Molecular and Medical                   Dept.of Integrative BiologySUNY Health Science Center            Pharmacology UCLA school of Medicine              Pharmacology and Physiology
New York                                                          Los Angeles                                                              University of Texas Medical 
                                                                                                                                                         School,Houston       
                                                                                                                                                                                                                   
                                                           

A New Principle
Nitric Oxide, NO, is a short-lived, endogenously produced gas that acts as a signalling molecule in the body. Signal transmission by a gas, produced by one cell, which penetrates membranes and regulates the function of other cells is an entirely new principle for signalling in the human organism.

  







Dr. J. Joseph Prendergast

Dr.J.Joseph Prendergast
Practicine Endocrinologist Palo Alto, California
นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบต่อมไร้ท่อ และเป็นผู้คิดค้นสูตร ProArgi-9 Plus


สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เมืองดีทรอย รัฐมิชิแกน ด้านการเสริมประสิทธิภาพระบบฮอร์โมนและระบบการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย ดร.โจ ได้ชื่อว่าเป็นแพทย์ที่รักษาผู้ป่วยโดยไม่ใช้ยา เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ แอล-อาร์จินีน (L-Arginine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่สำคัญ เป็นสารที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายซึ่งถูกค้นพบมามากกว่า 50 ปี เป็นเจ้าของคอลัมน์เกี่ยวกับสุขภาพในนิตยาสารมากกว่า 40 ฉบับ และได้รับ "ประกาศนียบัตรแห่งผู้ทรงเกียรติ (Certification of Recognition) จากสมาคมการแพทย์เพื่อสุขภาพที่ดีของชาวอเมริกัน


ดร.โจ ได้ใช้ แอล-อาร์จินีน ในการดูและผู้ป่วยมากกว่า 16 ปี ตั้งแต่ปี 1991 และกล่าวว่า แอล-อาร์จินีนนั้นมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมหาศาล ช่วยเรื่องการทำงานของเซลล์สมอง การต่อต้านความชรา เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยทำความสะอาดหลอดเลือดและดูแลหัวใจ และเสริมสร้างกลไกทางเพศให้ทำงานปกติ


ประสบการณ์ของ ดร.โจส์
  • เขาออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ถูกวินิจฉันว่าเป็นหลอดเลือดแข็งตัวในช่องท้องหลังจากถูก CAT สแกนตอนอายุ 37 ปี บิดาของเขาเป็นโรคหลอดเลือดสมองตอนอายุ 42 ปี
  • ในปี 1991 เขาเริ่มรับประทานแอล-อาร์จินีนและ 10 ปีหลังจากนั้น ไม่มีผลปรากฎว่าเขาเคยเป็นโรคหลอดเลือดแข็งตัวมาก่อน
  • ต่อนนี้เขามีอายุ 71 ปี และอายุของหลอดเลือดเขามีอายุเพียง 15 ปี
  • นอกจากนี้เขายังได้แนะนำแอล-อาร์จินีนในการกรักษาของเขา 30% สุดท้ายของจำนวนผู้ป่วยเบาหวานของเขาที่จะต้องมีการทำโดย Bypass และตอนนี้เหลือน้อยกว่า 1% สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ
แม้ แอล-อาร์จินีน จะสามารถพบได้ในอาหารสดปกติ อาทิ เนื้อสัตว์ สัตว์ทะเลเปลือกแข็ง และผักต่างๆ แต่ก็ยังมีปริมาณไม่เพียงพอต่อการปกป้องและช่วยเสริมประสิทธิภาพเซลล์ให้ต้านทานการเกิดโรคได้ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสรรหาสารอาหารเสริมเพื่อช่วยปกป้องและฟื้นฟูให้ร่างกายมีสุขภาพดีมากขึ้น

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

เจาะลึกร่างกายมนุษย์











ประวัติการศึกษา HGH (Human Growth Hormone)

  • ปี 1958 มีการใช้ HGH ชนิดฉีดในเด็กที่มีปัญหาการเจริญเติบโต
  • ปี 1980 FDAสั่งห้ามใช้ HGH หลังพบว่าเด็กเป็นโรค Creutzfeldt-Jakob disease (CJD) ไม่สามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและเสียชีวิตภายใน 5 ปี
  • ปี 1985 มีการวิจัยทางเลือกใหม่ในการใช้ HGH โดยนำเอากรดอะมิโนต่อกันเป็นสายโซ่ยาว
  • ปี 1986 การสร้างสูตรกรดอะมิโนสายยาวเป็นผลสำเร็จ
  • ปี 1990 Dr.Daniel Rudman ประกาศในวารสารการแพทย์ NEW ENGLAND JOURNAL OF MEDICINE ว่า HGH สามารถชะลอความชราได้ หลังจากการใช้ติดต่อกัน 6 เดือน ช่วยให้ดูเป็นหนุ่มสาวขึ้น 10-20 ปี
  • ปี 1992 Dr.Edmund Chein ลองใช้ HGH ให้ตัวเอง
  • ปี 1994 Dr.Edmund Chein ขอร้องต่อศาลให้อนุญาตทดลอง HGH ในมนุษย์ผู้ใหญ่
  • ปี 1995 มีการร่วมมือกับ Dr. L. Cass Terry ศาสตราจารย์ทางด้านประสาทวิทยาพบว่าการใช้ HGH ในปริมาณต่ำแต่ติดต่อกันนานๆ ดีกว่าการใช้ HGH ปริมาณสูงแต่ในเวลาอันสั้น และไม่พบผลข้างเคียงใดๆ
  • ปี 1996 FDA อนุญาตให้ใช้ HGH
  • ปี 1997 มีการผลิต HGH ออกจำหน่ายเชิงการค้า
งานวิจัยที่โดดเด่น
         งานวิจัยจากวารสารทางการแพทย์นิวอิงแลนด์พบว่า คนแก่อายุ 65 ปีที่ได้รับ HGH พบว่า
         ผมที่เคยหงอกก็กลับมาเป็นสีดำเหมือนชายหนุ่ม
         บางรายพบว่ารอยย่นบนใบหน้าและที่แขนจางลง
         สามีและภรรยาหลายคู่ในงานวิจัยนี้ รายงานถึงความหฤหรรษ์ที่เพิ่มขึ้นในชีวิตคู่
         มีรายงานวิจัยที่น่าสนใจว่า กลุ่มที่ไม่ได้รับ  HGH จะแก่เร็วตามปกติ ส่วนกลุ่มที่ได้รับ HGH กลับสามารถลดความเสื่อมที่เกิดจากความชราได้
         การค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่รายงานโดย Dr.Peter Sonken แห่งโรงพยาบาล St.Thomas ในกรุงลอนดอน พบว่าคนไข้ที่เป็นโรคคุชชิ่งซินโดรม (Cushings Syndrome) ที่มีอาการหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure) ซึ่งไม่สามารถรับการรักษาใดๆ ได้ อาการทรุดลงจนต้องรับการผ่าตัดหัวใจ แต่ก็ยังไม่สามารถหาผู้บริจาคที่เหมาะสมได้ Dr.Sonken จึงได้ให้ HGH แก่คนไข้รายนี้ ผลก็คือหัวใจของคนไข้เต้นเป็นปกติและระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น อาการของผู้ป่วยดีขึ้นเป็นลำดับภายใน 3 เดือน และไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหัวใจเลย

ความชรา.....

ทำไมเราต้องแก่ลง ?
          การทำงานของต่อมไร้ท่อและอวัยวะต่างๆ ของมนุษย์จะค่อยๆลดลงขณะที่เราอายุมากขึ้น พร้อมๆ กับอาการที่บ่งบอกถึงความชราภาพของเรา อาทิ สมรรถภาพที่ถดถอย อารมณ์หงุดหงิดง่าย ผิวพรรณเหี่ยวย่น ขณะที่ HGH ลดลง จะเร่งให้กระบวนการแก่ตัวของร่างกายเกิดเร็วขึ้น เห็นได้ชัดว่า HGH สำคัญมากต่อสุขภาพพลานามัยของคนชรา (HGH : Human Growth Hormone เป็นฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตที่หลั่งจากต่อมใต้สมองของมนุษย์)

อะไรคือสาเหตุของความชรา ?
           การที่ระบบต่อมไร้ท่อทำงานลดลงมีผลต่อการลดลงของระดับสารเคมีในร่างกายมนุษย์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮอร์โมนที่หลั่งจากต่อมใต้สมอง Pituitary Gland HGH) 
           การลดลงของฮอร์โมนสำคัญๆ ในร่างกายเป็นสาเหตุหลักของความชรายังมีผลทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกเสื่อมลง ไขมันสะสมมากขึ้น การทำงานของสมองด้อยลงและเกิดอาการของโรคชราตามมา

เราสามารถป้องกันความชราได้
           ความชราคือโรคชนิดหนึ่งที่รักษาให้หายได้ หรือในอีกแง่หนึ่ง เราสามารถฟื้นความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้ การทำงานของร่างกายและจิตใจที่ลดลง ทำให้เกิดการแก่ตัว ซึ่งเราสามารถหลีกเลี่ยงได้ เราปราถนาที่จะช่วยคุณฟื้นฟูสุขภาพพลานามัยและย้อนคืนความเป็นหนุ่มสาวเพื่อชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณค่ามากขึ้น

ผลต่อร่างกายจาการขาดฮอร์โมน
  •  ปัญหาการแข็งตัวขององคชาติ เสื่อมสมรรถภาพ
  • ระบบประสาทในการรับรู้ เรียนรู้ และการเคลื่อนไหว เสื่อมลง
  • มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด มีไขมันสูงในหลอดอาหารและหลอดลม
  • การทำงานของอินซูลินลดลง เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน
  • ผมร่วงและหงอกมากขึ้น
  • มีการเสื่อมของข้อ ข้อติดและปวด 
  • การทำงานของปอด หัวใจ ตับ ไต เสื่อมลง
  • ผิวหนังแห้งและเหี่ยวย่น
ผลต่อจิตใจจากการขาดฮอร์โมน
  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
  • เบื่ออาหาร
  • หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อารมณ์แปรปรวน
  • มองโลกในแง่ร้าย หลีกหนีสังคม รู้สึกเปล่าเปลี่ยวและอ้างว้าง
  • ไร้อารมณ์ทางเพศ
ยิ่งแก่ยิ่งผลิต HGH (Human Growth Hormone) ได้น้อยลง
           นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า เมื่อเราอายุมากขึ้นเราจะหลั่ง HGH น้อยลง เมื่อเราอายุ 21 ปี ระดับ HGH ของเราจะลดลงอย่างต่อเนื่องจนอายุ 40 ปี ระดับของฮอร์โมนจะต่ำจนไม่สามารถควาบคุมการทำงานของเซลล์ ผิวหนัง อวัยวะสำคัญ เนื่อเยื่อสมองและอื่นๆ ความจริงเมื่อเราอายุ 70 ปี อวัยวะสำคัญๆ (ตับ สมอง และหัวใจ) จะมีการทำงานและขนาดลดลง 30 % ซึ่งหมายความว่า ขณะที่เราแก่ลงร่างกายจะมีความสามารถลดลง มีความเสื่อมมากขึ้น ปกป้องตัวเองได้น้อยลง
           เมื่อเราแก่ตัวลง การทำงานของสมองจะสูญเสียไปเมื่อระดับ HGH ลดลง เมื่อเราอายุ 90 ปี สมองจะหดเล็กลงเท่าขนาดของเด็ก 3 ขวบ มีผลทำให้ระบบประสาทเสื่อม HGH สามารถควบคุมขนาดและการทำงานของสมองได้
           ข่าวดีก็คือ ร่างกายสามารถต่อต้านโรคและซ่อมแซมตัวเองได้เมื่อมีระดับ HGH เพิ่มขึ้น ร่างกายสามารถฟื้นคืนความเป็นหนุ่มสาวได้ 10-20 ปี เมื่อเพิ่มระดับของ HGH ให้สูงขึ้นติดต่อเป็นเวลานาน 6 เดือน (วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ New Eangland Journal of Medicine)